วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แนวทางในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาหัตถกรรมกะลามะพร้าว



แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟู พัฒนาหัตถกรรมกะลามะพร้าว
1.การค้นคว้าวิจัย ควรศึกษาและเก็บรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับหัตถกรรมกะลามะพร้าวอย่างเป็นระบบ เช่นจัดทำเอกสาร คู่มือและหลักการประดิษฐ์หัตถกรรมกะลามะพร้าว เพื่อเป็นข้อมูลและหลักฐานในการศึกษาและพัฒนาภูมิปัญญาต่อไป โดยบูรณาการทำงานร่วมกันกับ ช่างฝีมือพื้นบ้าน หน่วยงานงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา
2. การอนุรักษ์ ถึงแม้ว่าการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวจะมีเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนจนถึงผู้สูงอายุ ขาดช่วงวัยรุ่นหรือเยาวชน ดังนั้นแนวทางการอนุรักษ์จึงควรมุ่งส่งเสริมโดยการปลุกจิตสำนึกคนในท้องถิ่นโดยเฉพาะเยาวชนให้ตะหนักถึงคุณค่าและแก่นสาระ และความสำคัญของภูมิปัญญาการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว
ส่งเสริม สนับสนุนและสืบทอดการนำภูมิปัญญาการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว
3. การฟื้นฟู โดยการคัดเลือกหัตถกรรมกะลามะพร้าว ที่สามรารถใช้ประโยชน์ได้ โดยการ มาส่งเสริมหรือฝึกอบรมให้มีการ ส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว เพื่อไม่ให้สูญหายไป โดยร่วมมือกับสถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4. การพัฒนา ควรริเริมสร้างสรรค์ภูมิปัญญาการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว ให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิต โดยใช้ภูมิปัญญาเป็นพื้นฐาน และส่งเสริมให้การนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อต่อยอดในการผลิต การตลาด และการบริหาร ตลอดจนการป้องกันและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับสถานศึกษา หน่วยงาน องค์กรภาครัฐเอกชน
5. การถ่ายทอดการถ่ายทอดความรู้ศิลปะการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเริ่มต้นจาการถ่ายทอดแก่บุคคลในครอบครัว และถ่ายทอดสู่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนผู้สนใจ
6. การส่งเสริมกิจกรรมและการเผยแพร่แลกเปลี่ยน โดยส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่ภูมิปัญญาด้านการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวและการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว เช่น การศึกษาดูงาน การเยี่ยมชม กลุ่มหัตถกรรมต่างๆ ทั้งในภาคใต้และท้องถิ่นอื่นๆ ทั่วประเทศ ในการเปิดโลกทัศน์และแนวคิดจากภายนอกเพื่อนำมาปรับใช้เพื่อความยั่งยืนต่อไป
7. การยกย่องและเสริมสร้างปราชญ์ด้านการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว โดยการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของชาวบ้าน ผู้ดำเนินงานให้มีโอกาสแสดงศักยภาพด้านภูมิปัญญา ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ มีการยกย่องประกาศเกียรติคุณในลักษณะต่างๆ เพื่อให้ปราชญ์ท้องถิ่นเกิดความภาคภูมิใจและกำลังใจในการดำเนินการด้านภูมิปัญญา รวมทั้งสร้างสรรค์ผลงานด้วยความเต็มใจ
บรรณานุกรม

กันหา สวัสดี. ศึกษาหัตถกรรมพื้นบ้านของชุมชนคีรีวง ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา
จังหวัด นครศรีธรรมราชผ้าทอเกาะยอ . วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต,สาขา
ไทยคดี ศึกษา, มหาวิทยาลัยทักษิณ,2549
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, สำนักงาน.ภูมิปัญญาไทยในการสร้างสรรค์งาน
หัตถกรรม จากกะลามะพร้าว. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ : การศาสนา, 2545
ปลื้ม ชูคง สัมภาษณ์, 12 กันยายน 2552
พรชัย สุจิตต์ และสุธิวงศ์ พงไพบูลย์ .”หัตถกรรมพื้นบ้านภาคใต้”.ในสารานุกรม
วัฒนธรรม ไทยภาคใต้ พ.ศ. 2542 เล่ม10.สงขลา : สถาบันทักษิณคดีศึกษา
น่วม ชูคง สัมภาษณ์, 12 กันยายน 2552
วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง, สำนักงาน.งานช่างฝีมือพื้นบ้าน หัตถกรรมกะลามะพร้าว
ปลื้ม ชูคง เอกสารถ่ายสำเนา) , 2549
วิบูลย์ ลี้สุวรรณ.ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน., กรุงเทพมหานคร:คอมเพคท์พรินท์ จำกัด,2542
www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86

หัตถกรรมกะลามะพร้าว ต่อภาวะโลกร้อน



ภูมิปัญญาหัตถกรรมกะลามะพร้าว ต่อภาวะโลกร้อน
หัตถกรรมกะลามะพร้าวเป็นงานที่ใช้ฝีมือในการผลิต และเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติในการผลิต การทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวสามารถช่วยลดโลกร้อนได้ด้วยเหตุผลดังนี้
1.ช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากการทำลายกะลามะพร้าว : ในอดีตนำไปเผาทำลายทำให้เกิดควันทำให้เกิดมลพิษ นำกะลาที่เหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำเป็นงานหัตกรรมก่อให้เกิดรายได้ ไม่เกิดมลภาวะ
2. ลดปริมาณขยะในชุมชน กะลาที่เหลือใช้นำไปทิ้งเป็นขยะ การนำกะลามาเพิ่มมูลค่า ด้วยการทำให้ปริมาณจากขยะซึ่งเกิดจากกะลามะพร้าวลดน้อยลง
3 .ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง เป็นการช่วยในการลดการกระจายของกาซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิดมลภาวะเป็นพิษ ใช้แรงงานจากบุคคล ในการผลิต มากกว่าใช้เทคโนโลยี และไม่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ใช้เครื่องมือที่ไม่ใช้พลังงานมาก
4 ไม่ตัดไม้ทำลายป่า กะลามะพร้าวเป็นวัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ เป็นไม้เนื้อแข็ง ที่มีอยู่แล้ว การทำหัตถกรรมไม่ต้องตัดไม้เพิ่มไม่ก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ
5 ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ เพราะต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กะลามะพร้าว เป็นส่วนประกอบของต้นมะพร้าว ถ้าคนใช้ผลิตภัณฑ์จากหัตถกรรมกะลามะพร้าวมาก ความต้องการในการปลูกมะพร้าวมากขึ้นตามลำดับ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว
6.ทำปุ๋ยนำเศษวัสดุที่เหลือจากการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว มาทำปุ๋ย
7 ลดการใช้วัสดุ ที่มีส่วนประกอบของ ซีเอฟซี โดยการใช้ภาชนะจาก กะลามะพร้าวแทนการใช้ ภาชนะโฟมบรรจุอาหาร
8 .การรวมกลุ่มอาชีพ : รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคนกลางที่ต้องใช้พลังงานและน้ำมันในการคมนาคมขนส่งงานหัตถกรรมไปยังตลาด
9.วิถีชีวิต : ดำรงชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ส่งเสริมให้คนมีความอ่อนโยน
ต่อธรรมชาติ ,เรียบง่าย,พอเพียง ไม่ตกเป็นทาสของกระแสบริโภคนิยมและวัตถุนิยม ที่มุ่งตักตวงผลประโยชน์จากธรรมชาติ

คุณค่าของหัตถกรรมกะลามะพร้าว



คุณค่าของหัตถกรรมกะลามะพร้าว มีคุณค่าหลากหลายรูปแบบ ดังนี้
1 คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม การทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวที่เกิดขึ้นทั้งภายในครอบครัว ภายในชุมชน และภายนอกชุมชน ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี และเป็นอันหนึ่งอันเดี่ยวกัน ความผูกพัน ความรักและความภาคภูมิใจในท้องถิ่น และเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมให้ก้าวหน้าและคงอยู่สืบไป สามารถสร้างสังคมให้สันติสุข ตั้งแต่ ครอบครัว ชุมชน และเป็นการสร้างความสมันพันธ์ระหว่างชุมชนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
2 คุณค่าด้านศาสนาและปรัชญา การเคารพนับถือเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ โดยการนำกะลามาแกะสลัก เป็นองค์ต่าง ๆ เช่นจตุคามรามเทพ ราหู และ กะลาตาเดียวที่ไม่ผ่านการปลุกเสก มาเคารพนับถือ บูชาเพื่อให้เกิดเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว
3 คุณค่าด้านเศรษฐกิจ สามารถสร้างคุณค่าเศรษฐกิจสร้างงาน สร้างรายได้และเป็นการสร้างอาชีพ
4 คุณค่าด้านการสร้างจิตนิสัย การทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวสามารถสร้างความอดทน ความสามัคคี การมีจิตใจเอื้ออารี ความขยันหมั่นเพียร ความประหยัด และสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
5. คุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย การนำกะลามาสร้างเป็นประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสมกับการใช้งานและวิถีชีวิต

การถ่ายทอดภูมิปัญญา

การถ่ายทอดภูมิปัญญา
การถ่ายทอดความรู้ด้านหัตถกรรมกะลามะพร้าว เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเริ่มต้นจาการถ่ายทอดแก่บุคคลในครอบครัว และถ่ายทอดสู่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนผู้สนใจจากการสัมภาษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบว่า มีการให้ความรู้และข้อมูลแก่นักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจ ผู้สนใจที่มาดูงานที่กลุ่ม มีการส่งวิทยากรไปให้ความรู้เกี่ยวกับการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว การประสานงานกับโรงเรียนในชุมชนที่มีการสอนทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว การสอนความรู้และศิลปะการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวให้ลูกหลานในชุมชน และรับนักศึกษามาฝึกงานที่กลุ่ม
การให้ความรู้เกี่ยวกับการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว ในลักษณะที่หลากหลาย ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกลุ่มที่ต้องการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมีการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับทักษะเทคนิค กรรมวิธีต่าง ๆ ในการผลิต รวมถึงการแสวงหาแนวทางที่จะปลูกฝังให้ผู้เรียนเกิดความตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความสามารถที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อนำมาปรับปรุงประยุกต์กับวิทยาการสากลและสภาพในปัจจุบันและอนาคต การถ่ายทอดความรู้และศิลปะการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว เป็นการสาธิตและฝึกปฏิบัติสอนความรู้เกี่ยวกับการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าว สอนแบบตัวต่อตัว ทั้งกระบวนการผลิตและวิธีดูแลรักษาอุปกรณ์ เป็นวิธีสอนตั้งแต่ขั้นตอนง่ายสู่ขั้นตอนยาก ผู้เรียนต้องมีความตั้งใจและมุ่งมั่นพยายามจนเกิดทักษะความชำนาญเพื่อที่จะได้สืบทอดภูมิปัญญาที่มีคุณค่าต่อไป
ตัวอย่างหน่วยงานที่ได้รับการถ่ายทอดและมีส่วนสืบทอดภูมิปัญญา
โรงเรียนพรหมพินิตชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
โรงเรียนพรหมพินิตชัยบุรี เป็นสถาบันการศึกษาที่หนึ่งที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของภูมิปัญญาการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว จึงได้เปิดสอนในโรงเรียนขึ้นและได้เชิญวิทยากรนายปลื้ม ชูคง ไปสอนหลักสูตรการทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวในวิชาการการงานพื้นฐานอาชีพ แก่นักเรียน
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจังหวัดพัทลุง
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทในการค้นคว้า วิจัย อนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา การถ่ายทอด และต่อยอดภูมิปัญญา เช่นส่งเสริมช่างฝีมือพื้นบ้านหัตถกรรมกะลามะพร้าว โดยการจัดนิทรรศการและสาธิตการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวเนื่องในโอกาสวันสำคัญและเทศกาลต่าง ๆ เช่น สาธิตการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวเนื่องในงานอนุรักษ์มรดกไทย การสาธิตและนิทรรศการเนื่องในงานกาชาดประจำปีของดีเมืองลุง และดำเนินการจัดเก็บข้อมูลช่างฝีมือพื้นบ้าน เพื่อเตรียมประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นการปกป้องคุ้มครอง ส่งเสริมและสืบทอดมรดกภูมิปัญญาการทำหัตถกกรรมกะลามะพร้าว และเผยแพร่ข้อมูลองค์ความรู้งานช่างฝีมือพื้นบ้านหัตถกรรมกะลามะพร้าวด้วยสื่อแผ่นไวนิล พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในระบบศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม ที่เว็บไซด์ www.pt-culture.go.th

ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมกะลามะพร้าวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต



ภูมิปํญญาในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมกะลามะพร้าวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต

การสร้างสรรค์หัตถกรรมกะลามมะพร้าวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต มีดังนี้
1.ภูมิปัญญาที่เกี่ยวกับการประกอบอาหาร การนำกะลามะพร้าวมาผลิตเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน เนื่องจากกะลาเป็นวัสดุที่หางายในท้องถิ่น จึงนำมาเป็นเครื่องใช้ได้ทุกประเภท
2. ภูมิปัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย การนำกะลามะพร้าวมาสร้างสรรค์งานในการตกแต่งบ้านเรือนที่มีรูปแบบหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นทีสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตผู้คน สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือประเภทตั้งโชว์ และประเภทของใช้ในบ้าน
3. ภูมิปัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องนุ่งห่ม รูปแบบในการสร้างสรรค์หัตถกรรมกะลามะพร้าว เป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกายที่ก่อให้เกิดความสวยงามที่มีรูปแบบหลากหลาย
เช่นกระดุม สร้อยคอ ปิ่นปักผม
4. ภูมิปัญญาเกี่ยวกับความสุนทรีย์ เครื่องดนตรีไทยได้นำกะละมาเป็นส่วนประกอบเป็นเครื่องดนตรีไทยของภาคกลางเช่น ซออู้ ซอสามสาย และเครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ เช่นสะล้อ ซึง
5. ภูมิปัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาและความเชื่อ การนำหลักธรรมทางศาสนามาสร้างสรรค์งานหัตถกรรมของคนที่นับถือศาสนาพุทธ ด้วยความเชื่อว่ากะลาตาเดียวเป็นเครื่องรางของขลัง ที่มีพุทธคุณหลากหลาย โดยนำกะลาตาเดียวมาแกะสลักเป็นพระราหูอมจันทร์ และนำกะลาตาเดียวมาแกะสลักและเป็นส่วนผสมขององค์จตุคามรามเทพ
6.ภูมิปัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับแพทย์แผนไทย การแก้ไขปัญหาสุขภาพ โดยการนำกะลามะพร้าวซีกตัวผู้ซึ่งนิยมใช้เป็นคู่นำมาเป็นอุปกรณ์นวดผ่าเท้าเพื่อช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพซึ่งเป็นภูมิปัญญาวิถีปฏิบัติขอแพทย์แผนไทย
7 .ภูมิปัญญาเกี่ยวกับการละเล่น การละเล่นพื้นบ้านโดยการนำกะลามาซึ่งเป็นวัสดุที่หาง่ายเป็นสื่อเสริมการเล่นของเด็กที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญาและจิตใจและสังคม และเกิดความสนุกสนานร่าเริง

การเปลียนแปลงด้านอุปกรณ์และเครื่องมือการผลิต




การเปลี่ยนแปลงด้านอุปกรณ์และขั้นตอนการผลิต
1. วัตถุดิบในการผลิต การผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าว ในระยะเริ่มแรกนิยมใช้ย่านลิเพา ใช้แทนเป็นเชือกสำหรับผูกไม้กับกะลามะพร้าวเพื่อประกอบทำด้าม หรือทำชิ้นส่วนอื่นๆ โดยย่านลิเพาเป็นวัสดุที่หาได้ในพื้นที่ การเลือกย่านลิเพราต้องมีความชำนาญในการเลือกโดยเฉพาะการเลือกขนาดให้เหมาสมกับการใช้งาน เส้นของย่านลิเพาไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป และจะต้องเหลาให้เกลี้ยง บางครั้งต้องดึงเพื่อให้ย่านลิเพราะตึง เพื่อสะดวกในการใช้งาน ปัจจุบันใช้เชือกไนลอน หรือด้ายที่มีความคงทนมาผู้แทนย่านลิเพา เพราะเชือกไนลอนหาซื้อได้สะดวก และมีความรวดเร็ว สามารถเลือกขนาดของเส้นไนลอนได้ตามความต้องการไม่ต้องเสียเลาในการเลือกหา และสามารถใช้ได้ทันที ช่างฝีมือปัจจุบันนิยมใช้เชือกประกอบการผลิต แต่ถ้าลูกค้าต้องการใช้วัสดุธรรมชาติก็ใช้ย่านลิเพาแทน
2. เครื่องมือสำหรับทำหัตถกรรมกะลามะพร้าว ระยะเริ่มแรกใช้วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และใช้เครื่องมือพื้นฐานทั่วไป เช่นนำใบไม้ โดยเฉพาะใบรสสุคนธ์ มาใช้ในการขัดถูกะลาให้มีความเกลี้ยงเกลา งดงาม และใช้ มีด พร้า ตกแต่งให้สวยงามตามความพอใจ ปัจจุบันใช้เครื่องมือหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับชิ้นงาน เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ มอเตอร์ขัด เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการผลิต เพราะสร้างความรวดเร็วในการทำงานแต่ผู้ผลิตก็ต้องมีสมาธิ มีประสบการณ์ และมีความชำนาญในการใช้มอเตอร์ขัดเป็นพิเศษ
การพัฒนาต่อยอดรูปแบบผลิตภัณฑ์
ในอดีตมีแต่การผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวโดยไม่ได้สร้างสรรค์เติมแต่งลวดลายมากนัก เป็นเพียงเครื่องใช้ในครัวเรือนที่เหมาะกับการใช้งานเท่านั้น เช่น ทนายตวงข้าวสาร แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นต่างๆ มากมาย หลายรูปแบบ เช่น โคมไฟ กระปุกออมสิน กระเป๋า เข็มขัด ตุ้มหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แจกัน พวงกุญแจ เป็นต้น ซึ่งสามารถนำคุณค่ามาสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ผลิตและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและของประเทศ อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจที่ได้เป็นอย่างดี

เอกลักษณ์ของหัตถกรรมกะลามมะพร้าว



เอกลักษณ์ของหัตถกรรมกะลามะพร้าว

หัตถกรรมกะลามะพร้าว แต่ละท้องถิ่นมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามพื้นที่ ขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้น เช่น ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง การจัดทำหัตถกรรมกะลามะพร้าวในจังหวัดพัทลุง ได้นำรูปหนังตะลุงมาสร้างสรรค์งานหัตถกรรมด้วยกะลาเป็นรูปพวงกุญแจ และโคมไฟเป็นต้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับการนำศิลปะการแสดงพื้นบ้านหนังตะลุงมาประยุกต์ใช้ในงานศิลปะ ภาคตะวันออกเฉียง โดยเฉพาะจังหวัดเลยได้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมกะลามะพร้าวเป็นรูปผีตาโขน ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนในการผลิตและแฝงไปด้วยการยึดถือในประเพณี “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” ของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นประเพณีทุกปี เกี่ยวโยงกับงานบุญพระเวสหรือเทศน์มหาชาติประจำปี กับพระธาตุเจดีย์สองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย สำหรับภาคเหนือ โดยการนำกะลามาผลิตเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมือง เช่นสะล้อ ซึง เป็นเครื่องดนตรีเฉพาะถิ่นของชาวล้านนา เป็นการนำความสุนทรีย์มาสร้างสรรค์งานหัตถกรรมและภาคกลาง จะนำกะลามาเป็นเครื่องดนตรี ได้แก่ ซออู้ และซอสามสาย เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

องค์ความรู้ขั้นตอนการผลิตหัตถกรรมกะลามมะพร้าว


ขั้นตอนการผลิตหัคถกรรมกะลามะพร้าว ประเภทเครื่องใช้ในครัวเรือน : จวัก


จวัก เป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่มีลักษณะเดียวกันกับทัพพี และตะหลิว ดังนั้นจึงมีวิธีการทำคล้ายคลึงกัน โดยมีขั้นตอนการทำจวักดังนี้
1.1 คัดเลือกกะลามะพร้าว โดยจะเลือกใช้กะลามะพร้าวที่มีความหนาเป็นพิเศษ
1.2 นำกะลามะพร้าวที่คัดเลือกไว้นำมาตัดเป็นชิ้นงานตามแบบของจวักที่ต้องการ
1.3 ขัดผิวของชิ้นงานด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายหยาบ
1.4 ขัดผิวของชิ้นงานด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้มีผิวเรียบสวยงาม
1.5 ทำด้ามจวัก โดยเลือกใช้ไม้ขี้เหล็กแก่เต็มที่
1.6 เหลาด้ามจวักให้ได้ขนาดและรูปร่างที่ต้องการ
1.7 ขัดด้ามจวักด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายหยาบ
1.8 ขัดด้ามจวักด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้มีผิวเรียบสวยงาม
1.19 นำด้ามจวักไปประกอบเข้ากับกะลามะพร้าวที่ทำเป็นจวักตักแกงไว้แล้วโดยการเจาะรูด้วยเหล็กไช และหลังจากนั้นใช้ย่านลิเพราผูกเป็นลายรังแตน จนแน่น และสวยงาม
1.10 ตกแต่งและสำรวจความเรียบร้อยของจวัก และทาน้ำมันชักเงาเพื่อให้มีความสวยงามยิ่งขึ้น

องค์ประกอบของการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าว




องค์ประกอบการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวจากการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงโดยศึกษาองค์ประกอบการผลิต วัสดุ การถ่ายทอดทางภูมิปัญญา จากการศึกษาพบว่า
1.วัสดุ ที่ใช้ในการผลิตหัตถกรรมจากกะลามะพร้าว ที่สำคัญ คือ กะลามะพร้าว ไม้ขี้เหล็ก ย่านลิเพรา น้ำมันชักเงา ดินสอ
1.1 กะลามะพร้าว ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตหัตถกรรมจากกะลามะพร้าว เป็นวัสดุที่สำคัญในการผลิต สามารถหาซื้อได้ในท้องถิ่น การซื้อมะพร้าวมี 2 ประเภท คือ มะพร้าวลูก และมะพร้าวซีก การคัดเลือกมะพร้าวขึ้นอยู่กับรูปแบบผลิตภัณฑ์ มะพร้าวที่แก่จัดจะมีสีน้ำตาลสวยงาม มีความหนา ความคงทน และแข็ง
1.2 ไม้ขี้เหล็ก การเลือกไม้ขี้เหล็กเพื่อมาประกอบเป็นด้ามกระบวย ทัพพี ช้อน จะเลือกไม้ที่แก่จัดโดยสังเกตจากสีของไม้ ถ้าสีน้ำตาลเข้มไม้แก่จัด ทำให้มีความคงทนและสวยงาม
1.3 ไม้ตาลโตนด การเลือกไม้ตาลเพื่อมาประกอบเป็นด้ามกระบวย ทัพพี ช้อน จะเลือกไม้ที่แก่จัดโดยสังเกตจากสีของไม้ ถ้าสีน้ำตาลเข้มหรือค่อนข้างดำไม้แก่จัดทำให้มีความคงทนและสวยงาม
1.4 ย่านลิเพา การเลือกย่านลิเพาเพื่อนำมาผูกประกอบเป็นด้าม โดยเลือกที่แก่ โดยสังเกตจากความหนา เพื่อความคงทน
1.5 ด้าย มี 2 แบบ คือด้ายธรรมดา และด้ายเทียนน้ำมัน ด้ายสองชนิดนี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บ ด้ายธรรมดา นำมาประกอบชิ้นงานให้เป็นผลิตภัณฑ์ ตามรูปแบบต่าง ๆ ที่ต้องการ และด้ายเทียนน้ำมันใช้สำหรับประกอบชิ้นงานเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล เข็มขัด การเลือกซื้อด้ายเลือกโทนสีน้ำตาล สีดำ เพื่อให้กลมกลืนกับชิ้นงาน และด้ายมีความเหนียว ความคงทน สำหรับด้ายเทียนน้ำมัน มีลักษณะพิเศษคือ ผู้บริโภคนำมาสวมใส่แล้วจะไม่มีกลิ่นอับ และมีความแน่น เมื่อถูกเหงื่อหรือน้ำ จะไม่ขาด
1.6 น้ำมันมะกอกใช้ทาบางๆ สำหรับผิวของกะลามะพร้าวหลังจากติดแบบร่างลงภายในของกะลามะพร้าว ส่งผลให้ผิวของกะลาลื่น สามารถเลื่อยลุได้ง่ายกว่าเดิม
1.7 น้ำมันชักเงา การใช้น้ำมันชักเงาในการผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ น้ำมันชักเงาชนิดสเปรย์ และน้ำมันชักเงาชนิดน้ำ โดยน้ำมันชักเงาชนิดสเปรย์เหมาะสำหรับชิ้นงานที่มีขนาดเล็ก เช่น พวงกุญแจ ต่างหู กระดุมเป็นต้น ส่วนน้ำมันชักเงาชนิดน้ำ ใช้ชักเงาสำหรับชิ้นงานขนาดใหญ่ เพื่อให้ชิ้นงานมีความเงางามมากขึ้น สำหรับน้ำมันชักเงาสามารถหาซื้อได้ตามต้องตลาดทั่วไป
วัสดุสำคัญในการผลิต คือ กะลามะพร้าวซึ่งมีมากในชุมชนและสามารถหาซื้อได้ง่าย สำหรับไม้ขี้เหล็ก และย่านลิเพราเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่นบางครั้งอาจสั่งซื้อจากที่อื่น ส่วนวัสดุอื่นที่สั่งซื้อจากท้องตลาดได้แก่ ด้าย น้ำมันชักเงา
2. เครื่องมืออุปกรณ์ การผลิตหัตถกรรมกะลามะพร้าวที่สำคัญได้แก่ เลื่อยกง เลื่อยฉลุ มีด มีดสำหรับตัดเชือก มีดสำหรับแกะเนื้อมะพร้าว ตะไปท้องปลิง พร้า เหล็กไช ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
2.1 แท่นเจาะไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตหัตกรรมกะลามะพร้าวโดยแท่นเจาะไฟฟ้าจะใช้เจาะชิ้นงานบางตัวเท่านั้น เช่น กระดุม พวงกุญแจ
2.2 มอเตอร์ขัด ใช้ขัดผิวกะลามะพร้าว ทั้งด้านนอกด้านใน การใช้มอเตอร์ขัดสามารถลดเวลาในการทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น
2.3 เลื่อยฉลุ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป เลื่อยฉลุใช้หลังจากที่นำแบบที่ต้องการฉลุติดลงผิวด้านในของกะลามะพร้าวแล้วใช้นำมันมะกอกทาทับอีกครั้งเพื่อให้ฉลุได้สะดวก ไม่ฝืด และสามารถเพิ่มอายุการใช้งานของใบเลื่อยให้มีความคงทนยิ่งขึ้น และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกวิธีหนึ่ง
2.4 วงแขนไฟฟ้า มีลักษณะเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว มีรูวงกลมบริเวณตรงกลางเป็นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว บริเวณขอบนอกมีลักษณะเป็นซี่เล็ก ๆ เหมือนฟันเลื่อย สามารถหาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป ใช้สำหรับการตัดขอบชิ้นงานให้เรียบก่อนขึ้นชิ้นรูปงาน การใช้วงเขนไฟฟ้าผู้ใช้ต้องมีสมาธิ และมีความชำนาญเป็นอย่างมาก และเหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรง
2.5 สว่านเจาะ ใช้ประกอบชิ้นงานให้มีความสมบูรณ์ โดยเฉพาะการเจาะรู ของชิ้นงานเพื่อประกอบชิ้นงานให้เรียบร้อย ก่อนเจาะควรกำหนดจุดด้วยดินสอ
2.6. เลื่อยกง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป ใช้สำหรับตัดกะลาและตัดไม้ การตัดแต่ละครั้งต้องดูความคมของใบเลื่อย ถ้าเลื่อยมีความคมการตัดรูปทรงต่างๆ จะมีความสวยงาม คม
2.7.มีด ใบเล็ก ใช้ขูดเปลือกมะพร้าว เพื่อให้กะลามีความเรียบ
2.8.มีดสำหรับตัดเชือก ใช้สำหรับตัดเชือก ต้องมีความคม
2.9.ตะไปท้องปลิง หาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้าง ใช้สำหรับการถู ขัดกะลาให้มีความเรียบ
2.10. พร้า ใช้สำหรับผ่ากะลา และปอกเปลือกมะพร้าว ต้องมีความคม
2.11 .เหล็กไช ใช้สำหรับเจาะกะลา ต้องมีความแหลมคม
2.12 กระดาษทราย นำมาใช้ตกแต่งผิวกะลา ให้สะอาดเรียบร้อยต่อจากการขัดด้วยแผ่นเจีย หรือ เครื่องขัด กระดาษทรายที่ใช้ 3 เบอร์ประกอบด้วย เบอร์ 60 เบอร์ 150 และเบอร์ 320 นำกระดาษทรายมาขัด เริ่มจากเบอร์ 60 และเบอร์ 150 นำมาตกแต่งผิวให้เรียบ และขัดด้วยเบอร์ 320 ซึ่งมีความละเอียดมากนำมาขัดแต่งผิวกะลาเป็นครั้งสุดท้าย ผิวของกะลาจึงมีความเรียบสวย สะอาด พร้อมที่จะนำไปประกอบชิ้นงานต่าง ๆ หรับการใช้กระดาษทรายผู้ใช้ต้องมีความชำนาญ และสามารถสังเกตด้วยว่าควรใช้กระดาษทรายเบอร์ใด จึงจะมีความเหมาะสมกับผิวของกะลามะพร้าวซึ่งทำให้ได้ผิวของกะลาตามที่ต้องการ
2.13 ดินสอ ใช้สำหรับกำหนดจุดเพื่อเจาะรูในการประกอบชิ้นงาน และร่างแบบสำหรับใช้ในการผลิตชิ้นงาน โดยใช้ดินสอตั้งแต่ 2 B ขึ้นไป เพราะสีดำสามารถมองเห็นได้ชัดกว่าดินสอธรรมดา
2.14 คีม เป็นเหล็กปลายแหลม มีด้ามจับ ซึ่งเมื่อใช้แล้วจะต้องเก็บไว้ในที่แห้ง เพราะหากชื้นจะทำให้เหล็กบริเวณปลายเกิดสนิม ส่งผลให้อายุการใช้งานลดลง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่าย.ในท้องถิ่น อุปกรณ์แต่ละชนิดไม่ได้ใช้พลังเชื้อเพลิงส่วนมากใช้แรงงานของผู้ผลิต เช่นพร้า มีด เป็นการประหยัดพลังงาน การใช้อุปกรณ์แต่ละชนิดช่วยให้ผู้ผลิต หรือช่างฝีมือเกิดสมาธิได้อีกทางหนึ่งด้วย

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หัตถกรรมกะลามะพร้าว : ภูมิปัญญาไทย ใส่ใจโลกร้อน






ความเป็นมา


หัตถกรรมกะลามะพร้าวหัตถกรรมเป็นงานฝีมือที่มนุษย์คิดสร้างสรรค์ขึ้นมา โดยการนำวัสดุจากธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน งานหัตถกรรมที่ผลิตขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ และงานหัตถกรรมที่ผลิตขึ้นมาในท้องถิ่นยังมีการสืบทอดต่อ ๆ กันมาจนเป็นเอกลักษณ์มีคุณค่าและความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นในแง่มุมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ค่านิยม สภาพอารมณ์ความเชื่อ ฐานะทางเศรษฐกิจ(วิบูลย์ ลี้สุวรรณ ,2533 : 114) หัตถกรรมกะลามะพร้าวเป็นงานช่างฝีมือพื้นบ้านที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาชาวบ้านและวิถีชีวิตได้เป็นอย่างดี
หัตถกรรมกะลามะพร้าวมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย คนไทยได้นำ กะลา มาผลิตเป็นงานหัตถกรรม ซึ่งกะลา เป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น เป็นวัสดุเหลือใช้และ เป็นการใช้ทรัพยกรธรรมชาติให้คุ้มค่า และยังช่วยป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า เพราะเนื้อไม้จากกะลามีความงดงามตามธรรมชาติ อีกทั้งคุณภาพของกะลาจะไม่ทำปฏิกิริยากับกรด มีความปลอดภัยในการใช้ตักอาหาร (สำนักงานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ ,2545 :14) องค์ประกอบของการผลิต ขั้นตอนและวิธีการผลิต บ่งบอกถึงความสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้โดยไม่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง สอดแทรกความงดงามและสร้างสรรค์รูปแบบที่ก่อให้เกิดเป็นประโยชน์กับการดำเนินชีวิต พร้อมทั้งช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยและรักษา “ความเป็นไทย” และความเป็นชาติ และเป็นภูมิปัญญาที่มีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อน ได้อีกทางหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งและการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ในการผลิตแทนการใช้พลาสติกและการประหยัดพลังงาน ด้วยคุณค่าและความสำคัญของกะลามะพร้าวที่บุคคลนำมาสร้างสรรค์เป็นงานหัตถกรรมกะลามะพร้าวที่มีอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นการสร้างสรรค์ผลงานภูมิปัญญาที่มีคุณค่า อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่สืบไป และเป็นภูมิปัญญาที่สามารถลดภาวะโลกร้อนได้